my name รีวิว เปิดบทบาทใหม่ของฮันโซฮี ฉีกบทนางเอกแบบเดิมๆของเกาหลีได้เลย

my name รีวิว เปิดบทบาทใหม่ของฮันโซฮี ฉีกบทนางเอกแบบเดิมๆของเกาหลีได้เลย

my name รีวิว ซีรีส์สายลับหักเหลี่ยม ฉีกทุกบทของนางเอก และบทบาทเดิมของ ฮันโซฮี ห้ามพลาดเลยทาง Netflix

my name รีวิว วันนี้เราจะพาทุกคนมาเจอกับซีรีส์ที่ฉีกทุกแนว ของซีรีส์ที่ทุกคนเคยดูกันมา ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ได้ ยกระดับซีรีส์เกาหลีไปสู่สากลทั่วโลก ได้อย่างน่าชื่นชมมากทีเดียว สำหรับเรื่อง My Name (2021) ที่ได้เป็นผลงานออริจินัลซีรีส์เรื่องใหม่จาก Netflix ซึ่งเป็นแนวแอ็กชัน-ดราม่า-อาชญากรรม ที่ได้มีการนำแสดงโดย ฮันโซฮี, พัคฮีซุน และอันโบฮยอน

และเราก็จะขอให้คุณลืม ‘ฮันโซฮี’ จากบท ‘ยูนาบี’ ในซีรีส์เรื่อง Nevertheless ไปให้หมด เพราะตอนนี้เธอได้เป็น ‘ยุนจีอู’ เด็กสาวบู๊ระห่ำเพื่อที่จะทำการล้างแค้นให้พ่อ ในซีรีส์เรื่อง My Name โดยจะมีการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่พลิกผันของ ยุนจีอู ที่ได้เป็นเด็กสาวที่ยอมแลกทุกอย่าง เพื่อที่จะทำการแก้แค้นให้พ่อของตัวเอง บอกเลยว่าเรื่องนี้ โดนใตสายบู๊แบบ บ้าระห่ำอย่างมากเลยทีเดียว

my name รีวิว

my name รีวิว เรื่องย่อ ควรรู้ก่อนดู

My Name ซีรีส์เกาหลีแนวแอ็กชั่นอาชญากรรม สำหรับซีรีส์ใหม่ แกะกล่องจาก Netflix อย่างเรื่อง My Name (2021) เรื่องนี้ ที่ได้เป็น ซีรีส์แนวล้างแค้น บู๊ระห่ำ muj,udkiไล่ฆ่าไล่แทงกันฉึบฉับ ที่ฮันโซฮี รับบทเป็น ‘ยุนจีอู’ ซึ่งตัวเธอนั้นหญิงสาวที่เข้ามาเป็น สมาชิกแก๊งยาเสพติดรายใหญ่ เพื่อที่จะเข้ามา ตามหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอ ซึ่งแค่ดูแนวซีรีส์ ก็เห็นแล้วว่า แตกต่างจากบทที่เธอ

เคยได้รับมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง หลายคนจึงตั้งตารอเป็นพิเศษ ว่าบทบาทใหม่ของเธอ นั้นจะมาในรูปแบบไหน แต่เราต้องบอกเลย ว่าเมื่อดูจบ 8 ตอนรวดแบบไม่พักแล้ว ก็ต้องบอกตรงนี้ เลยว่ารู้สึกประทับใจ ในการแสดงที่ต้องบอกเลยว่า สมบทบาทจนอยากจะลุกขึ้นปรบมือ ให้ดังไปถึงกรุงโซลเลยทีเดียว สำหรัยซีรีส์จำนวน 8 ตอน กับเวลาเกือบ 10 ชั่วโมง

ที่ทำให้โซฮีทำให้เรา เชื่อว่าเธอเป็น ‘ยุนจีอู’ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ซีรีส์เปิดฉาก จนวินาทีสุดท้ายที่ซีรีส์ลาจอ เรื่องนี้ห้ามพลาดเลยทีเดียว เพราะสำหรับ My Name เป็นซีรีส์แนว revenge drama หรือแนว ‘ข้ามาเพื่อแก้แค้น’ ที่จะมีการเล่าเรื่องเรียงไปแบบคลาสิค ซึ่งจะมีการเรียงลำดับไป ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มีเสน่ห์ที่การผสม องค์ประกอบของหลาย ๆ แนว อย่าง แอคชั่น ไขปริศนา ทริลเลอร์ที่มีเรื่องให้ลุ้นอยู่เรื่อย ๆ

และสร้างความโดดเด่น ด้วยความองค์ประกอบ ของความเป็นฟิลม์นัวร์ ที่มีการสะท้อนด้านมืดของจิตใจมนุษย์ ที่ผ่านทางงานภาพที่ใช้ สีสันโทนค่อนข้างมืด บอกเลยว่าเรื่องนี้มันดูเหมาะสมกับ ความดาร์คของเรื่อง บอกเลยว่าเข้าคู่กันได้ดี กับเพลงประกอบที่มีจังหวะหนักหน่วง ซีรีส์เล่าเรื่องได้สนุก ที่จริงซีรีส์แนวแก้แค้นเห็นได้บ่อย ๆ และเป็นที่นิยมอย่างมาก เช่น Taxi Driver, Vinzenzo หรือ Itaewon Class แต่ในเรื่องราวการแก้แค้นส่วนใหญ่นั้น

ทั้งซีรีส์เอเชีย หรือทางฝั่งยุโรงและอเมริกา มักจะนำด้วยตัวละครเอกชายที่ต้องการแก้แค้น แต่เรื่องนี้ได้ตัวนำเป็นนักแสดงหญิง ที่มาในบทบาทของนางเอก หรือเพื่อนร่วมทีมที่สวยเก่งฉลาด มักจะช่วยให้แผนการณ์ประสบความสำเร็จ ด้วยกลเม็ดแบบต่าง ๆ และบ่อยครั้งก็ใช้มารยาหญิงเป็นตัวหลอกล่อ แต่ต้องบอกเลยว่า แม้จะเป็นนางเอก ที่ได้มาเป็นตัวหลัก แต่ความเดือดไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

my name รีวิว

แนะนำตัวละคร my name ทำความเข้าใจตัวละครให้ดีก่อนดู!

1. ฮันโซฮี รับบทเป็น ยุนจีอู / โอฮเยจิน เธอที่ได้รับทเป็น ตัวละครหลัก นางเอกสุดแกร่งของเรา ที่ได้เป็นตำรวจสาวขาลุย ของแผนกอาชญากรรม ที่ไม่มีใครขวางเธอได้ โดยเธอไดมีการพยายามย้ายไป อยู่แผนกปราบปรามยาเสพติด เพื่อสืบเรื่องการฆาตกรรมของพ่อ รวมถึงเป็นสายข่าวให้กับ ชเวมูจิน เธอเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักและไม่ค่อยเข้าสังคม

2. พัคฮีซุน รับบทเป็น ชเวมูจิน ซึ่งตัวของเขานั้น ประธานโรงแรมลิเบอร์ ที่เบื้องหลังของเขา นั้นก็คือหัวหน้าแก๊งดงชอน องค์กรยาเสพติดรายใหญ่ หลังจากช่วยชีวิตจีอูไว้ และตัวเขาเองก็ได้ สร้างตัวตนใหม่ให้เธอ และส่งเธอเข้าไปเป็นตำรวจ เขาเป็นหัวหน้าแก๊ง ที่มีความน่าเกรงขาม น่ากลัวและเลือดเย็น

3.  อันโบฮยอน รับบทเป็น จอนพิลโด ตำรวจแผนกปราบปรามยาเสพติดและคู่หูของจีอู เขาไม่ชอบจีอูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเพราะพฤติกรรมของเธอ แต่เมื่อได้รู้จักเธอยิ่งขึ้นเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ

ความรู้สึกเมื่อได้ดูจบ รีวิวหลังการดู บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง

ต้องบอกก่อนเลยว่า เมื่อเริ่มเรื่องมาก็ ดราม่าชีวิตนางเอกเลย เพราะพ่อของเธอเป็นนักเลง ที่ได้มีหมายจับอยู่ ทำให้มีตำรวจคอยตามประกบเธอ จนต้องลาออกจากโรงเรียน หลังเสียพ่อไปต่อหน้าต่อตา จีอูก็เอาแต่โทษตัวเอง และพยายามทำทุกอย่าง เพื่อตามหาตัวฆาตกรให้ได้ ด้วยความที่ตัวคนเดียว มันก็เลยทำให้เธอ เกือบจะจบชีวิตลงเพราะโดนหลอก

แต่ก็ได้หัวหน้าแก๊งดงชอน อย่างชเวมูจินช่วยไว้ได้ทัน ซึ่งเขาได้พาเธอไปอยู่ในองค์กร ทำให้เธอได้รับบทเรียนที่สร้างความเข้มแข็ง ให้กับตัวเองเวลาผ่านไปจีอู ได้เป็นตำรวจอย่างเต็มตัว และได้มีการแอบสืบคดีของพ่อเธอไปด้วย และได้รวมถึงเป็นสายข่าวให้กับมูจิน จนเขาไว้ใจเธอมาก ระหว่างนั้นเธอได้ทำงานร่วมทีม กับคู่หูคนใหม่อย่างจอนพิลโด ที่ไม่ค่อยชอบหน้าเธอนัก

แต่พอรู้จักกันมากขึ้นทั้งคู่เอง ก็เป็นคู่หูที่เข้ากันได้ดี การตามสืบเบาะแสต่าง ๆ ทำให้นางเอกเริ่ม ไม่แน่ใจว่าควรเชื่อใจฝ่ายไหนดี ระหว่างตำรวจกับแก๊งดงชอน เธอจะตามหาตัวฆาตกร ได้สำเร็จหรือไม่ แล้วจะปกปิดตัวตนได้อีกนานแค่ไหน ไปตามลุ้นด้วยกันนะ

ซึ่งเราต้องขอบอกเลยวาส สำหรับเรื่องนี้เอง ถือได้ว่าเป็น ซีรีส์แอ็กชันสนั่นจอ ที่ได้นางเอกบู๊ระห่ำ เกือบทุกตอนและสะบักสะบอมหนักมากทีเดียว ฮันโซฮีรับบทดราม่าเข้มข้น ต่างจากเรื่องก่อนหน้า อย่างบทของ ยูนาบี ใน Nevertheless รักนี้ห้ามไม่ได้ โดยได้เรื่องการต่อสู้ ก็ได้ทำออกมาได้ดีเลย ด้วยรูปร่างที่พอจะสู้ปะทะ กับผู้ชายได้อยู่

และส่วนฉากอารมณ์ ก็มีการจัดเต็มแบบ รู้สึกอึดอัดไป กับนางเอกหลายซีนเลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าเนื้อเรื่อง เดาไม่ยาก พอเดาทางได้ ว่าคนร้ายคือใคร ชอบที่ซีรีส์จัดฉากแอ็กชันมัน ๆ และไลน์การต่อสู้ของนางเอก รวมถึงเรื่องราวแบบดิบเถื่อน ของแก๊งผิดกฎหมาย และเหล่าตำรวจด้วย ซึ่งเราต้องบอกเลยว่า ใครที่ชื่นชอบสายแอ็กชัน-อาชญากรรม ต้องไม่พลาดเรื่องนี้เลยล่ะ

ยิ่งแฟนคลับของสาวฮันโซฮี ที่จะได้ดูเธอเปลี่ยนจาก แนวโรแมนติก มาบู๊แบบจัดเต็ม แถมยังไม่ห่วงสวย (แต่ก็ยังสวยอยู่ดี) เรียกว่าเป็น ผู้หญิงหนึ่งเดียวในเรื่องจริง ๆ บอกเลยว่าเคมี กับอันโบฮยอนก็ดีมาก ๆ เลยด้วย เอาเป็นว่ากดเข้าไปที่ Netflix เลยจ้า ซีรีส์มีทั้งหมดด้วยกัน 8 ตอนเท่านั้น บอกเลยว่าดุเดือด เลือดสูบฉีดอย่างแน่นอน งานนี้หาเวลาว่างมาเตรียมดูกันได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก : intrend.trueid.net

ติดตามสิ่งที่น่าสนใจ : UFABET , ไก่ชนออนไลน์

รีวิวซีรีส์เพิ่มเติม : Beyond Evil รีวิว

ขอหนังฟรี
แจ้งปัญหา
กรอกแบบฟอร์มไม่สมบูรณ์ กรุณาตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง
  • ค่านี้ไม่ควรเป็นค่าว่าง
ค้นหา